วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

10 อันดับของสังฆทาน ที่ทำแล้วพระท่านจะได้ประโยชน์มากที่สุด

เพิ่งจะรู้เรื่องของที่พระชอบ
10 อันดับของสังฆทาน
ที่ทำแล้วพระท่านจะได้ประโยชน์มากที่สุด
อันเนื่องมาจากมีการสำรวจของในถังสังฆทานสำเร็จรูป (ถังเหลือง) ที่เห็นวางขายกันอยู่ทั่วไป พบว่า กว่า 50 % เป็นของที่ไม่มีคุณภาพ ใช้งานจริงไม่ได้ เช่น ผ้าจีวรสั้นและบางจนแทบจะเป็นผ้าซีทรู ใบชาเหม็นผงซักฟอกที่วางมาข้างๆ (กลายเป็นใบชารสโอโม่) กระดาษชำระหยาบและมีกลิ่นเหม็น แปรงสีฟันแข็งจนพระค่อนประเทศเป็นโรคเหงือกอักเสบ, สบู่ แชมพู ที่ถวายมีกลิ่นหอมแรง และผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ทำให้พระผิดศีลต้องปลงอาบัติกันทุกวัน (มีศีลข้อห้ามการประทินผิวและใช้เครื่องหอม) เครื่องชงดื่มมักหมดอายุ ถ่านไฟฉายหมดอายุ แบตเยิ้ม ฯลฯ หรือแม้แต่ตัวภาชนะที่ใส่ คือถัง ก็ยังทำจากพลาสติกคุณภาพต่ำ ใส่อะไรได้แป๊บเดียวก็ฉีก แตก พัง เป็นต้น จึงได้ไปสอบถามพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง แล้วจัดอันดับสิ่งของสังฆทาน ตามความจำเป็นในการใช้งาน รวม 10 อันดับ ซึ่งเรียงจากจำเป็นมากสุดไปน้อยที่สุดได้ ดังนี้
1. เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ
เนื่องจากพระสมัยนี้ต้องเรียนพระปริยัติธรรม และจดกำหนดนัดหมายต่างๆ ช่วยจำ บางรูปท่านเป็นเหรัญญิกดูแลค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องใช้มาก แต่ไม่ค่อยมีใครถวายเครื่องเขียนเหล่านี้ พระท่านจึงต้องไปเดินหาซื้อเองเสมอ หากเราถวายไป พระท่านจะได้ใช้อย่างแน่นอน อันดับ 1 จึงตกเป็นของ 'เครื่องเขียน' ไปอย่างพลิกความคาดหมาย (หรือว่าคุณทายถูกล่ะ ? เอ้อ)
2. ใบมีดโกนตราขนนก (Feather) หรือยี่ห้อ Gillette ยิลเลตต์
เนื่องจากพระต้องโกนผมทุกวันโกน แต่ใบมีดยี่ห้ออื่น พระใช้โกนผมแล้วเลือดสาด !!! ท่านจึงใช้ได้แค่ 2 ยี่ห้อนี้เท่านั้น อนึ่ง ใบมีดตราขนนกจะคมกว่ายินเลส ใช้ในการโกนครั้งแรก ส่วนยิลเลตต์จะใช้เก็บความเรียบร้อยอีกครั้ง หากท่านใดถวายใบมีด ก็ได้ชื่อว่า ช่วยไม่ให้พระต้องเสียเลือดเนื้อทุกวันโกน ข้าพเจ้าเห็นว่าได้บุญดีกว่าให้ยาอีกนะท่าน
3. ผ้าไตรจีวร ที่มีความยาวพอที่จะนุ่งห่มได้ มีความหนาพอเหมาะสม
เพราะผ้าที่ติดมากับถังเหลือง มันทั้งสั้น ทั้งเต่อ ทั้งบาง ทำให้พระท่านลำบากใจเวลาสวมใส่ ขาดความมั่นใจ และเสียภาพลักษณ์ที่ดีของสงฆ์ ผู้ใดถวายผ้าไตรจีวร จึงได้อานิสงส์มากนัก นี่ก็ใกล้จะถึงเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว เตรียมผ้าอาบน้ำฝนไปถวายพระกันเถอะนะ
4. หนังสือธรรมะ สารคดี นิตยสาร หรือที่ให้ความรู้ด้านอื่นๆ
เนื่องจากพระสงฆ์ มีหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ที่แตกฉาน ทั้งทางธรรม และรู้ทันข่าวสารบ้านเมือง เพื่อจะได้สาธิตยกตัวอย่างให้ชาวบ้านเข้าใจได้แจ่มแจ้ง การถวายหนังสือเหล่านี้ จึงถือเป็นต้นทุนแห่งธรรมทาน ให้พระท่านได้นำไปต่อยอด กระจายสู่ผู้คนได้อีกมาก ทั้งยังถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง แถมได้ผลตอบแทนสูง น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
5. รองเท้า
(ยกเว้นพระนิกายธรรมยุตต์นะจ๊ะ สังเกตให้ดีล่ะว่าวัดที่เราไป พระท่านใส่รองเท้ากันหรือเปล่า) พระท่านต้องเดินบิณฑบาตร, ธุดงค์, ไปเรียนหนังสือ, ไปกิจนิมนต์ตามที่ต่างๆ, บางรูปต้องทำงานที่ใช้แรงงานในวัด เช่น ก่อสร้าง ทำสวน สิ่งที่ต้องรับภาระหนักก็คือ 'รองเท้า' ที่มักจะขาด เสียหาย อยู่บ่อยๆ นั่นเอง รองเท้าจึงถือเป็นอีก item หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างสูง

6. ยาหลักๆ ที่จำเป็น
ยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ยาแก้ไอ แก้ไข้ ลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาใส่แผลสด แผลเปื่อย แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลพุพอง เป็นหนอง ผิวหนังอักเสบ เป็นหนอง
7. ผ้าขนหนูสีสุภาพ ไม่ต้องสีเหลืองก็ได้
เพราะผ้าขนหนูที่ติดมากับถังเหลืองมักหยาบ เล็ก และคุณภาพต่ำ จนเอามาใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง
8. ชุดคอมพิวเตอร์
อู้วววว ไฮโซไปนิดนึง แต่ถ้าใครรวบรวมเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างกฐิน ผ้าป่า ก็น่าพิจารณาถวายคอมพิวเตอร์แด่วัดที่ขาดแคลน .. ถ้าเป็นวัดที่อินเตอร์เน็ตเข้าไม่ถึงจะดีมากๆ
9. น้ำยาเช็ดพื้น
เหอ... งงไปเลย พระท่านจะเอาน้ำยาเช็ดพื้นไปทำอะไร ?? เฉลย ก็เอาไปผสมน้ำ ถูกุฏิ ศาลา อุโบสถ ไงจ๊ะ เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนแรงในการทำความสะอาด สลายคราบแล้ว บางยี่ห้อยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในมูลนกพิราบ ฉี่หมา ฉี่แมว ฉี่หนู เห็บ หมัด ของหมาวัดได้อีกด้วย
10. แชมพู
พระท่านไม่มีผมแล้วจะเอาแชมพูไปทำไมเนี่ย แถมยังฮอตฮิตติดท็อปเท็นของที่มีประโยชน์อีกด้วย แซงหน้าไมโล โอวัลติน ชาเขียว ขิงผง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ทิชชู่ ฯลฯ ที่เห็นสลอนอยู่ในถังเหลืองซะด้วยซี คืองี้ เมื่อพระท่านไม่มีผมมาปกป้องหนังศีรษะเนี่ย ทั้งความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ ก็จะเข้าถึงหนังศีรษะของท่านได้โดยตรง แถมการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของหนังศีรษะก็จะเสียไป เพราะไม่มีผมปกคลุม ทำให้หนังศีรษะของพระ มักจะแห้ง และเกิดโรคผิวหนังอยู่เสมอ เช่น ชันตุ เป็นต้น สิ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ก็คือ แชมพูยา ที่มีส่วนผสมปกป้องหนังศีรษะ รักษาสมดุล สังเกตง่ายๆ ที่ฉลากจะมีคำว่า 'Scalp' เป็นสำคัญ ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้ก็มักจะเป็นพวก แชมพูขจัดรังแค อย่างคลินิค, แพนทีน, Head & Shoulder, ไนโซรัล เป็นต้น แต่น่าเศร้าใจ ที่ไม่มีใครถวายแชมพู พระท่านจึงจำต้องใช้สบู่แก้ขัด ซึ่งทำให้ยิ่งคันหัว ศีรษะแห้งไปกันใหญ่ ดังนั้นจึงขอท่านโปรดจำไว้ ว่าเราควรซื้อแชมพูไปถวายพระ แต่ก็เลือกสูตรกันนิดนึง ให้เป็นสูตรดูแลหนังศีรษะ เพราะถ้าเกิดเราเลือกสูตร 'เพื่อผมนิ่มสลวยดำเงางาม' ไปถวายท่าน... ท่านอาจเข้าใจผิด คิดว่าเราแซวได้
มีโอกาส ขอความกรุณาส่งต่อ Forward ให้กับเพื่อนสนิท มิตรสหาย เพื่อช่วยกันลดพาณิชย์อุบาทว์ สังฆทานถังเหลืองด้อยคุณภาพ และเพื่อลดความสูญเสีย ที่คนไทยเสียไปให้กับสังฆทานสำเร็จรูป ซึ่งคิดเป็นเงินหลายสิบล้านบาทต่อปี (ทางรายการบอกว่า ของในถังพระท่านต้องทิ้งไปเสียเกือบครึ่ง ลองคิดดูค่ะว่าเป็นเงินเท่าไหร่) สุดท้ายนี้ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตเป็นกุศล บุญรักษา...

ที่มา: http://poonpipat-skp.lnwshop.com/

10 พฤติกรรมสแกนเกย์(แอ๊บแมน) มาเช็คดูว่าคุณและคู่ของคุณเป็นแบบนี้หรือไม่

ถึงสมัยนี้เพศที่ 3 จะเปิดเผยมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนไม่น้อยที่ยังไม่กล้าเผยตัวเอง เก็บความรู้สึกไว้ข้างใน เพราะบ้างก็กลัวครอบครัวรับไม่ได้ บ้างก็กลัวกลุ่มเพื่อนจะรังเกียจไม่คบโดยเฉพาะกลุ่มชายแท้ทั้งหลาย ทำให้ต้องแอ๊บตัวเองอยู่ในมาดชายเข้มตลอดเวลา แต่วันนี้แหละความลับจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป เพราะทางทีมงาน toptenthailand เราได้รวบรวม10 พฤติกรรมชี้ชัดบ่งบอกความเป็นเกย์มาฝากกัน
 
10. ห้ามมาว่าพวกเดียวกัน
 
ถ้าเพื่อนชายคุณมักแสดงความสงสารแก่เครือข่ายคนหัวใจสีม่วงด้วยกัน หากเกิดมีใครมาแบ่งแยกหรือด่าทอพวกคนพวกนี้ หรือไม่ให้ความยุติธรรมแก่บรรดาผู้ชายหัวใจหญิงละก็ เขาจะรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที และมีอารมณ์คัดค้านถึงความไม่ยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมกันตามไปด้วย นั่นก็เพราะเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนไปด้วยน่ะสิ…แน่ล่ะว่าชายแท้ แมนเกินร้อยก็อาจจะรู้สึกเห็นใจบ้าง แต่จะไม่ออกโรงแทนกันเด็ดขาด!!

9. ซุกชั้นในสยิวกิ้วไว้
 
อยู่ต่อหน้าคุณ เขาอาจเป็นผู้ชายแมนๆ ที่สามารถปกป้องคุณได้ แต่ลับหลังใครจะรู้ … ชั้นในหวานแหววที่เขาแอบหยิบมาใส่บ่อยๆ อาจสะท้อนตัวตนที่เขาซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้ หากว่าเป็นผู้ชายแมนๆ จะเลือกใส่ชั้นในดีไซน์คมเข้มสีพื้นๆ เน้นซ่อนความอวบอัดของเจ้ามังกรตัวน้อย แต่ถ้าเขาดันเป็นเกย์แอ๊บ คุณคงไม่มีทางรู้ว่าเขาแอบซ่อนชั้นในวาบหวิว จีสตริงสีแสบทรวงไว้ในตู้เสื้อผ้ามากเท่าไหร่ ไว้เขาเผลอคุณก็ลองแง้มๆ ตู้เสื้อผ้าเขาดูละกันนะ แต่อย่ากรี๊ดไปล่ะ ถ้าเห็นชุดชั้นในสุดเซ็กซี่เกินกว่าที่คุณมี

8. เป็นผู้ชายดูแลตัวเอง
 
80% ของผู้ชายเจ้าสำอางที่ดูแลตัวเองแบบเลิศเลอ ดูแลตั้งแต่หัวจรดเท้ายิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก เขาจะสนใจสุขภาพเป็นสำคัญโดยกินวิตามินเสริมบำรุงเป็นประจำ และชอบเล่นกีฬา เข้าฟิตเนส เน้นฟิตร่างกายให้ล่ำบึกบึนนั้น มักจะเป็นผู้ชายที่ไม่สนใจหญิง!! ดีไม่ดีเค้าอาจจะไปสนใจผู้ชายในฟิตเนสคนไหนสักคนก็เป็นได้ เพราะพวกกล้ามโตๆ นี่แหละน่าสงสัยนัก ฉะนั้นเพื่อนชายของใครเข้าฟิตเนสเป็นว่าเล่น แถมยังสำอางสุดๆ ต้องระวังไว้ให้ดีเค้าอาจจะคบคุณเพื่อปิดบังเพศที่แท้จริงก็ได้

7. ชอบดูของผู้ชายด้วยกัน!!
 
พฤติกรรมต่อมาถ้าเจอฟันธงได้เลยว่า แอ๊บแมน!! นั่นก็คือ ถ้าเมื่อใดที่คุณมีโอกาสเจอะเจอของรักสุดหวง หรือสัมผัสข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต้องห้ามของเขา เช่น โน้ตบุ๊ก ห้องนอน กระเป๋า โต๊ะทำงาน และค้นพบของแสลงที่ถูกปกปิดมานาน อย่างเช่น วิดีโอชายรักชาย หนังสือโป๊เกย์ หรือแม็กกาซีนที่ส่อไปทางความต้องการของเพศเดียวกัน ก็ฟันธงได้เลยว่าเพื่อนชายของคุณนั้น...เป็นชัวร์ !!!

6. อ่านแม็กกาซีนหญิงๆ
 
เขาว่ากันว่าพวกเกย์เนี่ย จะชอบอ่านแม็กกาซีนของผู้หญิง อย่างเช่น แอลล์ ขวัญเรือน เปรียว ลิปส์ อิมเมจ หรือไม่ก็เน้นไปทางนิตยสารผู้ชายที่โพสท่าเซ็กซี่ สื่ออารมณ์ซะมากกว่า ส่วนชายแท้มักจะอ่านนิตยสารแมนๆ เกี่ยวกับรถยนต์ คอมพิวเตอร์ กีฬา และหุ้น เป็นส่วนใหญ่ ถ้าคุณไปเยือนบ้านเพื่อนชายครั้งหน้า ก็อย่าลืมสอดส่องตามห้องน้ำ ห้องนอน และตู้เสื้อผ้าให้ดีนะเออ ไม่แน่อาจเจอของดีเข้าก็ได้ แต่ระวังอย่าทำพฤติกรรมเหมือนไปจับผิดเขาล่ะ เดียวโป๊ะแตกซะก่อน

5. ท่ามันออก
 
พฤติกรรมต่อมาที่เรียกว่าเป็นขั้นพื้นฐานของการจับเกย์ คือ เขามักจะ ยืนบิดไปมา เดินตัวอิดออด นั่งไขว่ห้างเรียบร้อย ไม่ว่าทำอะไรเป็นต้องเก๊กท่า ขอโพสไว้ก่อน…แบบนี้แหละใกล้เคียงสุดๆ ถ้าเป็นผู้ชายปกติมีหรอที่เขาจะเดินอิดออด ตุ้งติ้ง วางท่าตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม ข้อนี้ก็ต้องดูพฤติกรรมอื่นประกอบด้วยไปด้วยนะ เพราะยังมีผู้ชายแท้อีกหลายคนเหมือนกันที่มีลักษณะนุ่มนิ่มคล้ายผู้หญิง ข้อนี้เลยต้องดูกันยาวๆ

4. ว๊าย..ตุ๊ดแตก
 
ขอสังเกตต่อมานี่ใช้กันมานานคือถ้าหนุ่มๆ หัวใจสาวเนี่ยเวลาตกใจ หรือเวลาเขาถูกใจอะไรสักอย่าง นางก็มักจะเผลอแสดงอาการสาวแตก หรืออุทานเสียงแหลมสูง อย่าง “ว้ายย!!” หรือ “กรี๊ดด” ฉะนั้นถ้าสาวคนไหนอยากจะลองพิสูจน์ดูว่าเพื่อนชายที่อยู่ข้างๆ คุณจะเป็นชายแท้มั้ย ลองทำให้เค้าตกใจแบบที่ยังไม่ได้ตั้งตัวดูสิ ถ้าเสียง และท่าทางออกเมื่อไหร่ก็แสดงว่าใช่ชัวร์!!

3. มีนิสัยแบบผู้หญิงเกินไป
 
 
ข้อนี้จับสังเกตได้ง่ายมาก เพราะจะมีผู้ชายแท้ๆ แมนๆ ที่ไหนขี้งอน ปากจัด จู้จี้จุกจิกเรื่องมาก แถมยังมากเรื่องเหมือนลักษณะนิสัยผู้หญิงอีก ยิ่งถ้าเพื่อนชายของคุณวีนแตกโดยไม่มีเหตุผล ไม่มีความหนักแน่นด้วยแล้ว ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ ก็เพราะผู้ชายแท้ๆ มักจะมีเหตุผล และง่ายๆ สบายๆ อะไรก็ได้อยู่แล้วนี่หน่า บางทีคุณก็ลองกระแซะ หรือแซวเพื่อนคุณ ว่าเป็นเกย์รึป่าว? ดูสิ ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไงบ้าง

2. เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
 
มาต่อกันที่ข้อนี้เลย เป็นชะนีต้องสังเกตดีๆ ถ้าเวลาที่เขาคนนั้นจะให้เวลากับการแต่งตัวมากเป็นพิเศษ บางทีใช้เวลานานเกือบชั่วโมงเหมือนผู้หญิงอย่างเราๆ โดยเฉพาะเขาจะพิถีพิถันกับการเลือกชุด ที่เน้นสัดส่วนของกล้ามอก และไหล่ และแอคเซสเซอรี่ให้เข้ากันตั้งแต่หัวจรดเท้า ลุคของเขาจะต้องเนี้ยบ ดูดีทุกย่างก้าว ไม่เชื่อ คุณลองเปรียบเทียบเขากับเกย์ทั่วไปดูสิ บางทีอาจจะแยกกันไม่ออก เพราะผู้ชายของคุณเนี่ยเยอะซะเหลือเกิน!!

1. หลุดความเป็นตัวตนได้ง่าย
 
 
สาวๆ ทั้งหลายเชื่อว่าจะชอบสังเกตเพื่อนชายกันเป็นประจะอยู่แล้ว เรียกว่าหูตาไว จะจับผิดผู้ชายแอ๊บแมนเราจะต้องดูทุกอิริยาบถ เวลากินข้าว ท่าทางประกอบการพูดจา หรือเวลาหยิบจับสิ่งของต่างๆ นิ้วก้อยของเขาจะชี้กระดกขึ้นมา (ไม่รู้ตัว) ยิ่งกว่าฟ้อนเล็บซะอีก ถึงจะเก็บรักษาท่าทีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีออกมาให้คุณเห็นอยู่ดี ซึ่งถ้าเป็นผู้ชายปกติแมนๆ เขาจะหยิบจับแบบเต็มไม้เต็มมือ ไม่กลัว ไม่ลีลาแม้แต่น้อย หรือบางครั้งอาจจะมีการจีบปากจีบคอพูด ประโยคที่ใช้ก็จะออกไปในแนวเก้ง กวางหน่อยๆ นั่นแหละระวังให้ดี คนข้างๆ คุณไม่ได้ชอบชะนีแน่นอน!!

พลิกตำนาน ‘เครปป้าเฉื่อย’ ของกินสุดยูนีค ถึงต้องกินชาติหน้าแต่ก็ควรค่าแก่การต่อคิว!!

สำหรับมนุษย์ที่เติบโตในเมืองไทย คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ‘เครปญี่ปุ่น’ ขนมหน้าโรงเรียนในดวงใจที่เป็นคู่แข่งกับโตเกียว ด้วยสไตล์การขายที่ต้องคอยยืนเกาะขอบเตารอพ่อค้าทำให้กินกันแบบสดๆ
และถ้าใครที่อยู่อาศัยหรือเคยสัญจรผ่านไปในย่านโชคชัย 4 ก็คงพอเคยได้ยินกิตติศัพท์ของร้านเครปพรพิมลอันแสนโด่งดัง หรือที่เรารู้จักกันในนาม ‘เครปป้าเฉื่อย’ ที่เฉื่อยสมชื่อจริงๆหละฮะ ><

04

อันที่จริงแล้วป้าเจ้าของร้าน เค้าชื่อว่าป้าหลี สาวสู้ชีวิตที่ผันตัวมาจากช่างเย็บผ้าสู่การขายเครป ซึ่งแน่นอนว่าความสำเร็จที่ป้าได้มานั้นไม่ได้มาแบบสบายๆ แน่นอน มีอุปสรรคมากมายเลยนะจ๊ะ
จากการประมวลผลข้อมูลที่เหมียวไล่สืบค้นในอินเทอร์เน็ต ก็จับใจความได้ว่าครั้งแรกในชีวิตที่ป้าเห็นร้านเครปที่อนุสาวรีย์ชัย ก็ไม่ได้คิดจะตั้งใจขายอะไรเพราะราคาพอๆกับก๋วยเตี๋ยว กินก็ไม่อิ่มเท่า



แต่จับพลัดจับผลูมาขายได้ เพราะฝั่งตรงข้ามบ้านมีร้านมาเครปมาเปิด เห็นเค้าขายดีเลยตัดสินใจไปขอเรียนวิธีจากร้านนั้นโดยเสียค่าครูหลักพัน แต่ก็ได้มาแค่สูตรแป้งและวิธีหมุน ซึ่งป้าหลีก็หัดหมุนแต่ยังไม่เป็นอยู่ดี จนต้องไปเรียนที่ใหม่ ก็พอจับทางได้จนเริ่มตั้งร้านขายหน้าบ้านกับเค้าซะที
เหมือนโชคจะเข้าข้างป้าแกอยู่บ้างตรงที่วันหนึ่งร้านตรงข้ามหยุด เด็กๆ ที่เคยซื้อร้านนั้นก็มาซื้อร้านป้าแล้วไม่กลับไปซื้อร้านเดิมอีกเลย เพราะติดใจในรสแป้งที่ป้าไปได้มาจากญาติที่ทำเบเกอรี่ ^^

03

หลังจากที่กิจการเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจากขายเครปแล้วป้าหลียังได้เงินจากการเปิดแฟรนไชส์ในการขายแป้งอีกทางหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้ชื่อเสียงของ ‘เครปพรพิมล’ โด่งดังเป็นที่รู้จักไปพร้อมๆกัน
มาว่ากันถึงที่มาของความเฉื่อยของป้า หรือคำว่า “เครปชาติหน้า” กันซักหน่อย อันที่จริงมันก็ไม่ซับซ้อนอะไรเลย นอกจากป้าเค้าใส่ใจในการปรุงเครปอย่างพิถีพิถัน มันเลยนานกว่าเจ้าอื่นเฉยๆ

อ้ะลองดูกันว่าจะช้าและน่ากินขนาดไหน!?


ความเฉื่อยของป้าแก ก็คือความน่ารักตรงที่แกใส่ใจรายละเอียดมากๆ แม้กระทั่งการยอมเดินเข้าออกเพื่อไปหั่นไส้กรอกมาใส่เครป เพราะถ้าหั่นทิ้งไว้เยอะๆ เป็นเวลานานมันจะไม่น่ากินนะฮับพี่น้อง

02

ถ้าการที่เหมียวสาธยายยาวเหยียดแบบนี้จะทำให้ใครอยากลองชิมเครปฝีมือป้าหลี ก็เชิญได้ที่พิกัดระหว่างซอย 54-56 ถนนโชคชัย 4 เลยนะจ๊ะ ร้านเปิดตั้งแต่ 2 ทุ่มยันเช้ามืด พีคสุดตี 5 เลยก็มีนะ
วิธีกินก็ต้องจองคิวด้วยการต่อเขียนชื่อตัวเอง กับเวลาที่มาใส่กระดาษแล้วหย่อนเข้าไปในบ้านได้เลย ป้าหลีเค้าให้เขียนใบจองตั้งแต่ 6 โมงเช้ายัน 6 โมงเย็นนะจ๊ะ รับประกันความอร่อยจ้า!!
ที่มา thairathCrepeChokchai4pantipTaoRa Ong, ภาพปลากรอบจากเน็ต